ฉีดฟิลเลอร์แล้วตาบอดเกิดจากอะไร?



ฉีดฟิลเลอร์แล้วตาบอดเกิดจากอะไร?
   โดยปกติและการฉีดฟิลเลอร์หรือสารเติมเต็มที่ผ่านการรับรองจาก อย.มีความปลอดภัยสูงมากครับ แต่ในการฉีดบางตำแหน่งอาจมีความเสี่ยงสูงที่จะเกิดผลข้างเคียงตามมา จึงต้องอาศัยความรู้เกี่ยวกับโครงสร้างของใบหน้า ประกอบกับแพทย์ต้องมีความชำนาญในการฉีดอย่างมากและสิ่งที่จะขาดไม่ได้คือต้องทำด้วยความระมัดระวังครับ หมอเคยเรียนถามอาจารย์ที่นับถือท่านหนึ่งถึงเรื่องความเสี่ยงในการฉีดฟิลเลอร์แต่ละครั้งว่ามีความเสี่ยงกี่เปอร์เซ็นต์? ท่านตอบว่าทำทุกครั้งเสี่ยง50% อยู่ที่ว่าจะพลาดหรือไม่พลาดเท่านั้นเอง ดังนั้นทุกครั้งต้องทำด้วยความระมัดระวังเสมอๆ

หมอขอยกตัวอย่างการฉีด
2ตำแหน่งที่มีโอกาสเกิดผลข้างเคียงมาเล่าให้ฟังดังนี้ครับ
 
  1.ร่องแก้ม

จากรูปที่เอามาลงประกอบจะพบว่าเส้นเลือดแดง
facial artery(หมายเลข1) จะทอดผ่านใต้ร่องแก้มอยู่ในชั้นไขมันของเรา หากพลาดฉีดสารเติมเต็มเข้าเส้นเลือดแดงเส้นนี้โดยตรง ก็จะทำให้ผิวหนังบริเวณจมูกขึ้นไปหาระหว่างคิ้วขาดเลือดตายทั้งหมดภายในไม่กี่ชั่วโมงทันที และที่สำคัญอาจจะเกิดตาบอดร่วมด้วยครับเพราะเส้นเลือดแดงเส้นนี้มีแขนงย่อยส่วนปลายไปเลี้ยงในลูกตาของเราด้วย




 แต่ถ้าหากฉีดพลาดเข้าไปในเส้นเลือดดำใต้ร่องแก้ม(หมายเลข.8 ) จะทำให้เกิดการคั่งของเลือดดำที่จะไหลกลับมาจากบริเวณจมูกและแก้มด้านข้างจมูกแล้วเกิดการอักเสบบวมจนถึงขั้นเน่าตามมาได้แต่ไม่ทำให้เกิดตาบอดครับ โดยส่วนตัวหมอเห็นว่าตำแหน่งร่องแก้มนี้มีความเสี่ยงมากที่สุดครับ เพราะเป็นส่วนต้นทางของเส้นเลือดแดงที่จะไปเลี้ยงจมูกและตา
                
 
2.จมูก
      
จากรูปที่เอามาประกอบจะพบว่าผิวหนังบริเวณจมูกของเรามีแขนงของเส้นเลือดแดงหลายเส้นมาเลี้ยง ซึ่งเส้นเลือดแดงทั้งหมดอยู่ในชั้นไขมัน โดยทั่วไปแล้วหากเกิดการอุดตันของเส้นเลือดแดงเส้นใดเส้นหนึ่งขึ้นมานั้น ผิวหนังของเราจะยังคงได้รับเลือดมาเลี้ยงจากแขนงข้างเคียงได้ครับ 


แต่มีการศึกษาวิจัยในเกาหลีพบว่าในความเป็นจริงเส้นเลือดแดงที่มาเลี้ยงบริเวณปลายจมูกแบ่งออกเป็น
4แบบดังรูปที่ยกมาประกอบ โดย37% เส้นเลือดแดงที่ปลายจมูกมีลักษณะแขนงตามรูปแบบที่1ทั้ง2ข้าง   และอีก31%เป็นแบบที่1และ3ร่วมกันในแต่ละข้าง ซึ่งหมายความว่าหากเกิดการอุดตันเส้นเลือดแดงจากการฉีดสารเติมเต็มที่จมูกขึ้นมาจริงๆ จึงมีโอกาสสูงที่จะเกิดการตายของผิวหนังบริเวณจมูกจากการขาดเลือดไปเลี้ยงได้ครับ นอกจากนี้หากการอุดตันเกิดบริเวณแขนงเส้นเลือดแดงที่ไปเลี้ยงดวงตาก็มีโอกาสตาบอดได้เช่นกันครับ
 
   ตอนนี้หลายคนอาจจะกลัวและกังวลขึ้นมา บางคนอาจจะสงสัยว่าที่เคยฉีดร่องแก้มหรือจมูกมาก่อนหน้านี้แล้วนั้นจะเป็นอันตรายหรืออุดตันเส้นเลือดหรือเปล่า??? ช่วงนี้ทุกครั้งที่ฉีดฟิลเลอร์ไปหมอจะแนะนำให้แต่ละคนสังเกตุอาการง่ายๆดังนี้ครับ
 
  1.ในช่วง3-6ชม.แรกหลังฉีดฟิลเลอร์ หากมีอาการปวดรุนแรง(ย้ำว่ารุนแรงครับ)บริเวณที่ฉีดและบริเวณใกล้เคียงอาจจะเกิดการอุดตันหลอดเลือดแดงขึ้นมา ดังนั้นไม่ว่าจะเวลากี่โมงกี่ยามเท่าไหร่ก็ตามให้โทรหาหมอทันทีได้เลยครับ หมอจะรีบมาฉีดสลายฟิลเลอร์ออกให้เพื่อไม่ให้เกิดผลข้างเคียงที่รุนแรงตามมาครับ เพราะถ้าทิ้งไว้นานกว่านั้นอาจจะสายเกินจะแก้ไขได้

  2.ในช่วง12-72ชม.ต่อมาหลังฉีดฟิลเลอร์ หากมีอาการปวดรุนแรงหรือปวดมากขึ้นๆเรื่อยๆและอาจจะมีอาการแดงคล้ำของผิวหนังบริเวณที่ฉีดหรือบริเวณข้างเคียงขึ้นมา ให้สงสัยว่าอาจจะเกิดการอุดตันเส้นเลือดดำบริเวณที่ฉีดหรือใกล้เคียงได้ครับ ให้รีบกลับมาหาหมอเพื่อทำการฉีดสลายฟิลเลอร์ลดการอุดตันอีกเช่นกันครับ

  3 ในช่วง3-7วัน ต่อมาหากเกิดอาการปวด บวม แดง ร้อนบริเวณที่ฉีดฟิลเลอร์ให้สงสัยว่ามีการติดเชื้อเกิดขึ้นครับ ซึ่งโดยปกติหมอจะให้ยาปฏิชีวนะฆ่าเชื้อแบคทีเรียร่วมกับยาลดบวมไปรับประทานหลังฉีดทุกครั้งครับ
 
   ดังนั้นในคนที่ไปฉีดฟิลเลอร์หรือสารเติมเต็มที่ผ่านอย.มานานแล้วไม่ต้องกังวลนะครับ บางคนอาจจะมีคำถามต่อไปอีกว่า...ถ้าเราเปลี่ยนไปฉีดเติมเต็มด้วยไขมันของเราแทนจะปลอดภัยกว่าไหม? หมอตอบได้ทันทีว่า...มีโอกาสเกิดได้เช่นเดียวกันครับ ควรเลือกทำกับแพทย์ที่มีความชำนาญ มีเวลาและทำด้วยความระมัดระวัง และตัวเราเองควรหมั่นสังเกตุอาการหลังทำร่วมด้วยเพื่อช่วยลดความรุนแรงจากผลข้างเคียงที่เกิดขึ้นมาครับ และหมอเชื่อว่าไม่มีหมอคนไหนที่ต้องการให้เกิดเหตุการณ์แบบนี้ขึ้นเช่นกันครับ หมอหวังว่าสิ่งที่เขียนนี้จะทำให้คนที่สนใจฉีดฟิลเลอร์หรือสารเติมเต็มมีความเข้าใจมากขึ้นก่อนเข้ารับบริการครับ


หากสนใจปรึกษาหรือรับแนวทางการรักษาสามารถสอบถามหมอได้ทุกช่องทางตามความสะดวกครับ
Callcenter :  02-9346185, 02-5381597,086-3551067
Fanpage : http://www.facebook.com/rukkhunclinic
LINE ID : rukkhunclinic

โปรไฟลุก ยกกระชับแก้มด้วยเทอร์มาจเกาหลี

  โปรไฟลุกยกกระชับแก้มด้วยเทอร์มาจเกาหลี 300 ชอต 3,000 บาท จองโปรโมชั่นหรือ ปรึกษาเพิ่มเติม *อินบ๊อกให้หมอมาได้เลย หรือ ID Line:@rukkhuncl...