วันพุธที่ 5 สิงหาคม พ.ศ. 2558

อนุมูลอิสระภัยร้ายในตัวเรา

อนุมูลอิสระภัยร้ายในตัวเรา


สารอนุมูลอิสระคืออะไร?
สารอนุมูลอิสระ (free radical) คือ อะตอม,โมเลกุลหรือไอออนที่มีอิเล็กตรอนไม่ครบคู่ ทำให้โมเลกุลของสารอนุมูลอิสระนั้นไม่เสถียรจึงไปดึงหรือแย่งอิเล็กตรอนจากโมเลกุลปกติในเซลล์ร่างกายของเรา แล้วทำให้โมเลกุลของเซลล์เรากลายเป็นสารอนุมูลอิสระเช่นเดียวกัน ซึ่งจะเกิดปฏิกิริยาลูกโซ่เช่นนี้ไปเรื่อยๆ ส่งผลให้เซลล์เสื่อม เซลล์แก่ เซลล์ตายหรืออาจจะเปลี่ยนแปลงกลายพันธุ์เป็นเซลล์เนื้องอกตามมาได้.

สารอนุมูลอิสระมาจากไหน?
-อนุมูลอิสระมาจากภายนอกร่างกายของเรา เช่น แสงแดด เขม่าควันเสียจากเครื่องยนต์หรือเครื่องจักร ควันบุหรี่ การรับประทานอาหารปิ้งย่างหรืออาหารไหม้เกรียมต่างๆ การดื่มแอลกอฮอล์ตลอดจนยาฆ่าแมลงเป็นต้น
-อนุมูลอิสระสามารถเกิดขึ้นได้เองในร่างกายของเราจากการเผาผลาญสร้างพลังงานโดยใช้ออกซิเจน โดยสารอนุมูลอิสระมีส่วนสำคัญในกระบวนการสร้างพลังงานดังกล่าว นอกจากนี้สารอนุมูลอิสระยังมีประโยชน์ช่วยทำลายเชื้อโรคได้อีกด้วย. ในสภาวะปกติร่างกายของเราจะสามารถสร้างสารต้านอนุมูลอิสระขึ้นมาควบคุมจัดการสารอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นให้อยู่ในสภาวะที่สมดุลได้ แต่เมื่อเราอายุมากขึ้น บริโภคอาหารไม่ครบถ้วน ทำงานหนักต่อเนื่องและพักผ่อนไม่เพียงพอ จะทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระมากขึ้นจนเกินกว่าที่ร่างกายจะควบคุมจัดการได้ ดังนั้นสารอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นจำนวนมากจะไปดึงอิเล็กตรอนจากโลเลกุลของร่างกายเรา ทำให้โมเลกุลของโปรตีน ไขมัน และดีเอ็นเอเสื่อมสภาพและเปลี่ยนแปลงไป เกิดริ้วรอยเหี่ยวย่น แก่ก่อนวัย และเกิดโรคจากความเสื่อมสภาพต่างๆ ตามมา เช่น โรคหลอดเลือดหัวใจ โรคความดันโลหิตสูง เบาหวาน โรคต้อกระจก เนื้องอกและมะเร็ง เป็นต้น

สารต้านอนุมูลอิสระคืออะไร?
สารต้านอนุมูลอิสระ (antioxidant) คือสารที่ทำหน้าที่ให้อิเล็กตรอนแก่สารอนุมูลอิสระ (free radical)เพื่อหยุดยั้งไม่ให้สารอนุมูลอิสระไปดึงแย่งอิเล็กตรอนจากเซลล์ปกติในร่างกายของเรา ยับยั้งไม่ให้เกิดปฏิกิริยาออกซิเดชั่น (oxidation)แบบลูกโซ่ ซึ่งในภาวะปกติร่างกายของเราจะสร้างสารต้านอนุมูลอิสระที่เป็นเอนไซม์มาจัดการกับสารอนุมูลอิสระที่เกิดขึ้นได้ นอกจากนี้เรายังได้รับสารต้านอนุมูลอิสระจากภายนอกคือ อาหารที่เรารับประทานเข้าโดยเฉพาะอาหารที่ให้วิตามินสูงๆ เช่น วิตามินซี วิตามินเอ วิตามินอี แคโรทีนอยด์ เป็นต้น
แต่เมื่อไหร่ก็ตามที่ร่างกายของเราไม่สามารถสร้างสารต้านอนุมูลอิสระได้มากพอ หรือได้รับจากอาหารไม่เพียงพอครบถ้วน สารอนุมูลอิสระที่มีมากเกินไปจะดึงแย่งอิเล็กตรอนจากเซลล์ปกติของเราจนทำให้ร่างกายเสื่อมแก่ก่อนวัย หรือทำให้เกิดความเจ็บป่วยต่างๆตามมานั่นเอง.
ด้วยความปรารถนาดีจากผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร Total3in1 ทางเลือกใหม่ของการดูแลสุขภาพและผิวพรรณที่ได้ถึง 3 ประสิทธิภาพในครั้งเดียว

– สาขาโลตัส ทาวน์อินทาวน์ โทร. 02-9346185,0863551067
ID Line : @rukkhunclinic

วันอังคารที่ 19 พฤษภาคม พ.ศ. 2558

การปรับรูปหน้าวีเชฟ




การปรับรูปหน้าให้เรียวหรือวีเชฟ สามารถทำได้หลายวิธีด้วยกันทั้งนี้ขึ้นอยู่กับสภาพปัญหารูปหน้าของแต่ละคน หมอจะขอยกตัวอย่างคร่าวๆดังนี้ครับ

1.สำหรับคนที่มีกล้ามเนื้อกรามขนาดใหญ่หรือรูปหน้าสี่เหลี่ยม ทางเลือกที่ง่ายที่สุดคือการฉีดโบทูลินั่มลดกราม ซึ่งหมอจะนัดมาฉีดย้ำ 2-3 ครั้งในปีแรก และ 1-2 ครั้งในปีต่อไป เมื่อฉีดย้ำไปหลายๆครั้งกล้ามเนื้อกรามของเราจะลีบเล็กลงเรื่อยๆพร้อมกับโครงรูปหน้าของเราจะค่อยๆเล็กเรียวขึ้น วิธีนี้หากทำในคนที่มีไขมันที่แก้มเยอะและคนที่มีอายุมากพอสมควร หลังทำอาจจะมีปัญหาแก้มหย่อนคล้อยตามมาได้ ซึ่งจำเป็นจะต้องทำร่วมกับวิธีอื่นเพื่อช่วยสลายไขมันและช่วยยกกระชับแก้มที่หย่อนคล้อยให้กระชับตึงขึ้นต่อไป

2.สำหรับคนที่มีไขมันบริเวณแก้มและไขมันใต้คางเยอะ แต่อยากให้รูปหน้าเรียววีเชฟมากขึ้นปัจจุบันนิยมทำอยู่ 2 วิธี ได้แก่

- การฉีดสลายไขมันที่แก้มให้น้อยลงทุก 1-2 สัปดาห์ต่อเนื่องกัน 5-10 ครั้ง โดยทำร่วมกับการควบคุมอาหารระหว่างการรักษา วิธีนี้เป็นที่นิยมกันมากที่สุดเพราะทำง่ายและไม่ต้องพักฟื้นหลังทำแต่อาจจะมีบวมบ้างเล็กน้อยหลังทำ 1-2 วัน

- การผ่าตัดหรือการดูดเอาไขมันที่แก้มออก วิธีนี้เหมาะสำหรับคนใจร้อนต้องการให้แก้มเล็กลงไวๆแต่ต้องพักฟื้นหลังการรักษาพอสมควรและต้องเสี่ยงกับผลข้างเคียงที่จะเกิดตามมาทั้งผิวหน้าเป็นคลื่นๆถาวร ความเสี่ยงที่จะทำให้เกิดการบาดเจ็บต่อเส้นประสาทใบหน้าเป็นต้น

3.สำหรับคนที่คางสั้นไม่ได้สัดส่วนกับรูปหน้า หมอขอแบ่งเป็น 2 กรณีดังนี้

- คางสั้นมาก ทางเลือกที่เหมาะสมที่สุดคือการผ่าตัดเสริมคางให้ยาวขึ้นเป็นทางเลือกเดียวที่เหมาะสมเท่านั้น

- คางสั้นไม่มาก ทางเลือกที่นิยมกันคือการฉีดสารเติมเต็มหรือฟิลเลอร์เสริมให้คางได้รูปมากขึ้น ซึ่งควรเลือกชนิดที่ผ่าน อย.เพราะสามารถฉีดสลายออกได้กรณีเราไม่ชอบหลังฉีดฟิลเลอร์เสริมคางไปแล้ว ปัจจุบันฟิลเลอร์ยี่ห้อดีๆสามารถคงรูปสวยๆได้นานประมาณ 2 ปีเลยทีเดียว

4.สำหรับคนที่มีอายุมักจะมีความหย่อนคล้อยของแก้มด้านข้าง ทำให้รูปหน้าแลดูไม่เรียวกระชับ หากความหย่อนคล้อยไม่มากอาจจะทำแค่ฉีดโบทอกซ์ลิฟท์หน้า ทั้งเดอร์โมลิฟท์และเนเฟอร์ติติลิฟท์ ก็ช่วยได้พอสมควรครับ แต่ในกรณีที่มีความหย่อนคล้อยชัดเจน ทางแก้ไขมีหลายทางวิธีดังนี้ครับ

- กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนในผิวหน้าขึ้นมาใหม่โดยใช้คลื่นวิทยุ (Thermage) หรือคลื่นอัลตร้าซาวด์ (Ulthera) เข้าไปทำลายคอลลาเจนผิวเก่าที่เสื่อมสภาพ  เพื่อให้เกิดการสร้างคอลลาเจนทดแทนขึ้นมาใหม่ วิธีนี้จะได้ผลดีต่อผิวหนังของเราในระยะยาวแต่ผลที่ได้ต้องทำต่อเนื่องหลายครั้งทุก 6-12 เดือน ซึ่งหลายคนใจร้อนรอไม่ไหวครับ

- การร้อยไหมละลาย PDO วิธีนี้เป็นการกระตุ้นการสร้างคอลลเจนผิวขึ้นมาใหม่โดยอาศัยร่างกายสร้างคอลลาเจนขึ้นมาห่อหุ้มสิ่งแปลกปลอม ซึ่งก็คือไหมละลายที่สอดร้อยเข้าไปในชั้นผิวหนังนั่นเอง วิธีนี้เหมาะกับคนที่แก้มหย่อนคล้อยไม่มากนัก

- การดึงยกแก้มด้วยไหมเงี่ยง ,ไหมสปริง ,ไหมกรวย ,ไหมก้างปลา เป็นต้น วิธีนี้จะอาศัยการดึงยกแก้มขึ้นไปเกาะกับจุดด้านบนที่อยู่สูงกว่า เช่น ขมับ ข้างแก้ม หรือหนังศีรษะของเรา ซึ่งถือว่าเป็นทางเลือกที่กำลังได้รับความนิยมสูงในปัจจุบัน ประกอบกับมีการพัฒนาไหมที่ใช้ดึงยกชนิดใหม่ๆขึ้นมาอยู่เรื่อยๆเพื่อหลีกเลี่ยงการผ่าตัดดึงหน้าเมื่ออายุมากขึ้น

- การผ่าตัดดึงหน้า วิธีนี้ถือเป็นทางเลือกสำหรับคนที่มีปัญหามากๆและใจร้อนต้องการเห็นผลไวๆแต่ต้องแลกด้วยกับการพักฟื้นตัวหลังผ่าตัดค่อนข้างนานกว่าวิธีอื่นๆ และควรทำกับแพทย์ที่มีประสบการณ์มากพอสมควรเพื่อลดผลข้างเคียงจะอาจจะเกิดขึ้นได้หลังการผ่าตัดครับ

5.ในคนที่โครงกระดูกใหญ่มากๆทั้งกระดูกขากรรไกรล่างและกระดูกโหนกแก้ม ทางเลือกคงเหลืือแค่การผ่าตัดเอากระดูกที่ใหญ่เกินไปออกครับ

สำหรับท่านใดที่ต้องการทราบว่าตนเองเหมาะสมกับวิธีไหน สามารถเข้ามาปรึกษาหมอด้วยตนเองที่คลินิก หรือส่งรูปถ่ายหน้าตรงและด้านข้างชัดๆเข้ามาตามช่องทางไลน์ (ID Line : @rukkhunclinic) และอินบอกของเฟสบุ๊คก็ได้ครับ


ช่องทางติดต่อ..รักษ์คุณ คลินิก
สาขาโลตัส ทาวน์อินทาวน์ โทร. 02-9346185,0863551067
ID Line : @rukkhunclinic


วันอาทิตย์ที่ 26 เมษายน พ.ศ. 2558

ไขข้อข้องใจเรื่อง ขมับตอบ ข้างแก้มตอบ?



หมอได้รวบรวมข้อมูลหลายๆอย่างเพื่อหาคำอธิบายที่ครอบคลุมปัญหาขมับตอบ ข้างแก้มตอบ ซึ่งอาจจะไม่ครบถ้วนทั้งหมด แต่หมอก็หวังว่าจะมีประโยชน์กับผู้อ่านบ้าง ซึ่งหมอขอสรุปแยกเป็นเรื่องๆดังนี้ครับ

1.ทำไมจัดฟันแล้วขมับตอบ ข้างแก้มตอบ?
ก่อนอื่นหมอต้องขอชี้แจงก่อนว่าไม่มีความรู้เรื่องการจัดฟันใดๆเลยนะครับ ซึ่งหมอจะอธิบายเกี่ยวกับเรื่องกล้ามเนื้อเป็นหลัก โดยกล้ามเนื้อที่สำคัญในการบดเคี้ยวอาหารได้แก่

กล้ามเนื้อขมับ เทมโพราลิส (temporalis muscle) กล้ามเนื้อรูปพัดมัดนี้จะยึดเกาะบริเวณขมับทอดตัวลงไปหาส่วนปลายด้านหลังของขากรรไกรล่าง (coronoid process) ตามรูป เวลาบดเคี้ยวอาหารกล้ามเนื้อเทมโพลาลิสทำหน้าที่ดึงยกขากรรไกรล่างขึ้นและเฉียงไปด้านหลัง (backward)


- กล้ามเนื้อกราม แมสซีเตอร์ (masseter muscle) เป็นกล้ามเนื้อขนาดใหญ่ทอดตัวยึดเกาะระหว่างด้านข้างของกระดูขากรรไกรบน-ล่างและส่วนหลังของขากรรไกรล่าง (coronoid process) ตามรูป เวลาบดเคี้ยวอาหารกล้ามเนื้อแมสซีเตอร์จะทำหน้าที่ยกขากรรไกรล่างขึ้น




- กล้ามเนื้อเทอริกอยด์มัดใน(medial pterygoid muscle) เป็นกล้ามเนื้อที่ยึดเกาะอยู่ด้านในตำแหน่งตรงข้ามกับแมสซีเตอร์ เวลาบดเคี้ยวจะทำหน้าที่ยกขากรรไกรขึ้น




กล้ามเนื้อเทอริกอยด์มัดนอก (lateral pterygoid) เป็นกล้ามเนื้อที่ยึดจากกระดูดเทอริกอยด์ทอดตัวแนวนอนไปเกาะที่ส่วนหัวของกระดูกคอนดายส์ตามรูป เวลาบดเคี้ยวจะทำหน้าที่อ้าปากและยื่นขากรรไกรล่างไปด้านหน้า

ในระหว่างที่จัดฟันจะเกิดการเคลื่อนตัวของแนวฟันเพื่อจัดเรียงตัวใหม่ให้เหมาะสมและสวยงามในระหว่างนี้กล้ามเนื้อในการบดเคี้ยวจะไม่สามารถหดเกร็งตัวในการเคี้ยวอาหารได้อย่างเต็มที่ เมื่อกล้ามเนื้อไม่สามารถหดตัวได้เต็มที่เป็นระยะเวลานานๆก็จะทำให้ขนาดลีบเล็กลงตามมา จึงเกิดปัญหาขมับตอบซึ่งเกิดจากการลีบเล็กลงของกล้ามเนื้อขมับเทมโพลาริส และข้างแก้มตอบซึ่งเกิดจากการลีบเล็กลงของกล้ามเนื้อกรามแมสซีเตอร์ ลักษณะเช่นนี้นอกจากเกิดในคนที่กำลังจัดฟันแล้วยังสามารถเกิดได้ในคนที่ถอดฟันกรามออกหลายซี่ด้วยเช่นกัน เพราะจะทำให้ไม่เหลือฟันกรามในการบดเคี้ยวอาหาร ทำให้กล้ามเนื้อในการบดเคี้ยวค่อยๆลีบเล็กลงตามมาเช่นเดียวกัน
ปัญหาขมับตอบข้างแก้มตอบในคนที่จัดฟันจะค่อยๆดีขึ้นเมื่อการจัดฟันเสร็จสิ้น โดยกล้ามเนื้อในการบดเคี้ยวจะค่อยๆมีขนาดโตขึ้นๆแต่อาจจะต้องใช้เวลานานเป็นปีหรือหลายปีในบางคน ดังนั้นในทางความงามจึงนิยมฉีดเติมเต็มขมับตอบและข้างแก้มตอบด้วยฟิลเลอร์เพื่อให้รูปหน้าได้สัดส่วนสวยงามมากยิ่งขึ้น ซึ่งหากเลือกชนิดของฟิลเลอร์และความเข้มข้นที่เหมาะสมจะสามารถอยู่ได้นาน 1-3 ปี

2.ทำไมเมื่อเราอายุมากขึ้นจึงเกิดขมับตอบและข้างแก้มตอบ?
ไขมันใต้ผิวหนังบริเวณใบหน้าของเราจะมีส่วนที่อยู่ตื้น (superficial fat)และส่วนที่อยู่ลึก (deep fat) เมื่อเราอายุมากขึ้นชั้นไขมันใต้ผิวหนังส่วนที่อยู่ตื้นจะค่อยๆบางลง ซึ่งบริเวณขมับและข้างแก้มหน้าหูเป็นส่วนที่มีไขมันชนิดนี้อยู่เท่านั้น ทำให้บริเวณขมับและข้างแก้มหน้าหูจะค่อยๆยุบตัวและตอบลงเมื่ออายุมากขึ้น ในขณะที่ไขมันใต้ผิวหนังส่วนที่อยู่ลึกจะเพิ่มมากขึ้นเรื่อยๆซึ่งไขมันชนิดนี้จะพบได้ที่เหนือร่องแก้มและด้านข้างคาง จึงพบว่ามีชั้นไขมันหนานูนเป็นสันเหนือร่องแก้มทำให้มองเห็นร่องแก้มที่ลึกมากขึ้น และมีไขมันพอกพูนบริเวณแก้มด้านข้างคางมองเห็นเป็นแก้มหย่อนคล้อยตามมา

ขอขอบคุณรูปภาพจากเว็บไซต์ : wikimedia และ is.wayne.edu

หากสนใจปรึกษาหรือรับแนวทางการรักษาสามารถสอบถามหมอได้ทุกช่องทางตามความสะดวกครับ


**  รักษ์-คุณคลินิก **
- สาขาโลตัส ทาวน์อินทาวน์ โทร.02-9346185,0863551067
Website : www.rukkhunclinic.com
Fanpage : www.facebook.com/rukkhunclinic
Google Plus : plus.google.com/+ธนิตศักดิ์วิบูลกุลเศรษฐ์
LINE ID : @rukkhunclinic

วันพฤหัสบดีที่ 23 เมษายน พ.ศ. 2558

คำถามเกี่ยวกับดึงยกกระชับด้วยไหมเงี่ยง





1. ไหมเงี่ยงคืออะไร..??
ไหมเงี่ยง คือไหม PDO ขนาดใหญ่ซึ่งถูกทำให้มีเงี่ยงไว้สำหรับยึดเกาะในการดึงรั้งผิวหนัง จึงเรียกว่า Barb PDO ไหมเงี่ยงมีความแข็งแรงมาก จึงสามารถดึงรั้งได้ค่อนข้างเยอะ

2. ไหมเงี่ยงช่วยเรื่องอะไร..??
2.1) ไหมเงี่ยงใช้ในการป้องกันความหย่อนคล้อยของแก้ม เช่น คนที่ฉีดโบทูลินั่มลดกรามแล้ว ซึ่ง เมื่อกรามเล็กลง มักจะเกิดปัญหาแก้มหย่อนคล้อยตามมา ไหมเงี่ยงจึงช่วยดึงกระชับประคองเอาไว้ไม่ให้แก้มหย่อนเมื่อกรามเล็กลง
2.2) ไหมเงี่ยงใช้ดึงยกกระชับในคนที่เกิดปัญาหาแก้มหย่อนคล้อยแล้ว ซึ่งผลที่ได้จะขึ้นอยู่กับความหย่อนคล้อยของแก้มว่ามีมากน้อยแค่ไหน ในบางคนอาจจะต้องใช้วิธีอื่นร่วมด้วย เช่น การใช้ฉีดโบทูลินั่มท็อกซินช่วยยกกระชับ

3. ดึงยกกระชับด้วยไหมเงี่ยงอันตรายหรือไม่..??
ไหมเงี่ยง หรือ Barb PDO สามารถละลายหายไปได้เอง เช่นเดียวกับไหมละลาย PDO แบบเดิม โดยไหมเงี่ยงจะละลายหายไป ประมาณ 1-1.5 ปี จึงไม่เป็นอันตราย

4. ร้อยไหมเงี่ยงแล้วจะอยู่ได้นานแค่ไหน.???
หลังจากดึงยกกระชับด้วยไหมเงี่ยงในช่วง 1-3 เดือนแรก แก้มที่ถูกยกกระชับขึ้นจะเกิดจากความแข็งแรงของเส้นไหมในการดึงรั้งเป็นหลัก และร่างกายจะสร้างคอลลาเจนห่อหุ้มเส้นไหมไปเรื่อยๆจนกว่าไหมเงี่ยงจะละลายหมด ใน 1-1.5 ปี โดยคอลลาเจนที่สร้างมาห่อหุ้มนั้นจะมีความแข็งแรงช่วยประคองกระชับแก้มได้ต้องรอเวลาประมาณ 3-6 เดือน

5. หลังจากดึงยกชับแก้มด้วยไหมเงี่ยง ต้องพักฟื้นหลังทำหรือไม่.??
หลังทำอาจจะมีรอยเขียวช้ำ บวม เล็กน้อย ซึ่งน้อยกว่าการร้อยไหม PDO แบบเดิม นอกจากนี้อาจจะมีรอยรั้งของผิวหนัง มองเห็นเป็นลักษณะคล้ายคลื่นบนผิว ซึ่งจะหายไปได้เองภายใน 1-2 สัปดาห์ ดังนั้นการดึงยกกระชับด้วยไหมเงี่ยง จึงแทบไม่ต้องพักฟื้นเลย

6. การดึงยกกระชับด้วยไหมเงี่ยง สามารถทำบ่อยๆได้หรือไม่..??
หลังการร้อยไหมเงี่ยงไปแล้ว 3 เดือน หากต้องการให้แก้มยกกระชับมากขึ้นไปอีกสามารถกลับมาทำเพิ่มได้

ข้อปฏิบัติของการร้อยไหมเงี่ยง
1. ควรทานยาปฏิชีวนะ ป้องกันการติดเชื้อร่วมกับทานยาลดบวมให้ครบตามที่เเพทย์สั่ง
2. ควรรัดกระชับผ้าที่แพทย์จัดให้ เพื่อช่วยประคองและลดอาการบวม ตามคำแนะนำ ถึงแม้หลังทำจะไม่มีรอยเขียวช้ำก็ตาม
3. ควรหลีกเลี่ยงการนอนตะแคง อ้าปากกว้างๆ หลังจากทำในช่วง 1 เดือนแรก
4. งดทำทรีตเมนต์หน้าใดๆ 1 เดือน และงดทำเลเซอร์ เทอร์มาจ อัลเทอล่า ในช่วง 1-3 เดือนแรก


หากสนใจปรึกษาหรือรับแนวทางการรักษาสามารถสอบถามหมอได้ทุกช่องทางตามความสะดวกครับ


** รักษ์-คุณคลินิก **
- สาขาโลตัส ทาวน์อินทาวน์ โทร.02-9346185,0863551067

Website : http://www.rukkhunclinic.com

Fanpage : https://www.facebook.com/rukkhunclinic

Google Plus : plus.google.com/+ธนิตศักดิ์วิบูลกุลเศรษฐ์

LINE ID : @rukkhunclinic

วันพฤหัสบดีที่ 19 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

การฉีดฟิลเลอร์ปาก

   ฉีดฟิลเลอร์ที่ริมฝีปาก





 โดยปกติการฉีดฟิลเลอร์ที่ริมฝีปากมีเป้าหมายเพื่อเพิ่มปริมาตรหรือเพิ่มขนาดปากให้ดูอิ่มขึ้น หลายคนส่งรูปมาปรึกษาหมอเพราะต้องการฉีดฟิลเลอร์ปากให้ได้รูปที่สวยงามขึ้น แต่การฉีดฟิลเลอร์ไม่สามารถช่วยแก้ปัญหารูปปากได้เหมือนกันทุกๆคน เพราะรูปปากของแต่ละคนมีปัญหาที่แตกต่างกัน บางคนมีริมฝีปากหนาใหญ่ บางคนมีริมฝีปากเล็กและบาง บางคนไม่มีขอบปาก เป็นต้น  ดังนั้นหมอจะสรุปง่ายๆจากประสบการณ์ที่หมอได้ฉีดฟิลเลอร์ปากมาหลายปีดังนี้ครับ
รูปปากที่เหมาะแก่การฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริมฝีปากได้แก่
         
          1. คนที่ริมฝีปากเล็กและบางเกินไป การฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริมฝีปากจะช่วยให้รูปปากของเราดูอิ่มขึ้น มีมิติมากขึ้น ซึ่งสามารถทำได้ทั้งริมฝีปากบนและล่างในคราวเดียวกัน
     
          2. คนที่ริมฝีปากบางเล็กจนเกินไปจากการผ่าตัดปากบางหรือผ่านการผ่าตัดปากกระจับมาก่อน โดยเฉพาะหากตัดริมฝีปากออกมากเกินไปเวลายิ้มจะทำให้ขอบริมฝีปากหายไปจนแทบจะไม่เหลือขอบปากเลยจนดูผิดธรรมชาติ ซึ่งปัจจุบันถือเป็นกลุ่มที่มาฉีดฟิลเลอร์เติมเต็มริมฝีปากกับหมอมากที่สุดครับ ในกรณีนี้หมอจะรับฉีดก็ต่อเมื่อสิ้นสุดการรักษาจากแพทย์ท่านเดิมแล้วและทิ้งระยะเวลาห่างกันอย่างน้อย 3 เดือนขึ้นไปเท่านั้น  โดยมีเป้าหมายให้ดูใกล้เคียงธรรมชาติมากที่สุด
   
          3. คนที่ริมฝีปากได้รูปแต่มีบางจุดขาดปริมาตร เช่น ขอบริมฝีปากไม่ชัดหรือเป็นสันเพียงพอ เมื่อฉีดเติมขอบปากเพิ่มจะทำให้รูปปากดูเผยอเซ็กซี่ขึ้น และในบางคนที่ต้องการให้ริมฝีปากล่างดูเด่นกว่าด้านบนก็สามารถฉีดเติมเพิ่มเข้าไปอีกได้ตามความพอใจ
   
          4. คนที่มีร่องใต้มุมปากและมุมปากตกนิดๆ ในกรณีนี้สามารถใช้ฟิลเลอร์เติมเต็มร่องใต้มุมปากให้ร่องตื้นขึ้นและช่วยในการดันยกมุมปากขึ้นได้ ถือเป็นอีกหนึ่งทางเลือกครับ ซึ่งหากทำร่วมกับการฉีดโบทูลินั่มทอกซินยกมุมปากก็จะช่วยให้ผลที่ได้ชัดเจนมากขึ้นครับ

หากสนใจปรึกษาหรือรับแนวทางการรักษาสามารถสอบถามหมอได้ทุกช่องทางตามความสะดวกครับ







ช่องทางติดต่อ..รักษ์-คุณคลินิก
– สาขาโลตัส ทาวน์อินทาวน์ โทร. 02-9346185,0863551067
ID Line : @rukkhunclinic

วันอังคารที่ 17 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

ยิ้มสวยด้วยโบทูลินั่ม ท็อกซิน

    ยิ้มสวยด้วยโบทูลินั่ม ท็อกซิน



    โดยปกติเวลาเรายิ้ม เบะปาก พูด หรือแสดงออกทางสีหน้าบริเวณปาก จะเกิดจากการทำงานร่วมกันของกล้ามเนื้อหลายมัด หลายคนความแข็งแรงกล้ามเนื้อรอบๆปากด้านซ้าย - ขวา และ บน - ล่างไม่เท่ากัน ดังนั้นเมื่อเราแสดงสีหน้าจะมีแรงดึง 2 ข้างไม่สมดุลกัน ซึ่งจะมีอาการยิ้มปากเบี้ยวไปด้านใดด้านหนึ่ง มีอาการยิ้มมากเกินไปจนมองเห็นเหงือก (Gummy smile) บางคนอาจจะมีอาการปากเบี้ยวเวลาพูด และบางคนก็มีอาการมุมปากตก ถ้าเราลองยิ้มหน้ากระจกแล้วสังเกตรูปปากของเราดีๆจะพบว่า ปากเราก็เบี้ยวหน่อยๆ เอียงบ้างนิดๆ มุมปาก 2 ข้างสูงตำ่ไม่เท่ากันไม่มากก็น้อยครับ ถ้าเป็นไม่มากก็แกล้งทำเป็นมองไม่เห็นก็ได้ครับ เพราะไม่มีใครสมบูรณ์ 100% ขนาดนั้น 555 ซึ่งสาเหตุเกิดได้จากหลายปัจจัยครับ หมอไม่ขอกล่าวถึง ณ ที่นี้เพราะจะยืดยาวไปจนน่ารำคาญ ( มีบางท่านฝากผ่านมาทางอินบ๊อกว่า หมอเขียนยาวไป อ่านเสร็จแล้วก็ลืม 555...รับแซ่บครับ!!! )



       ดังนั้นจึงมีการนำสารโบทูลินั่ม ท็อกซินมาฉีดคลายกล้ามเนื้อด้านที่หดตัวแรงมากเกินไป เพื่อปรับแรงดึงของกล้ามเนื้อ 2 ข้างให้สมดุลกันมากที่สุด เช่น ฉีดคลายกล้ามเนื้อที่ดึงมุมปากลงให้อ่อนแรง ทำให้ดึงมุมปากลงไม่ได้ ดังนั้นกล้ามเนื้อที่ดึงมุมปากขึ้นก็จะดึงขึ้นได้ง่ายกว่าเดิมถึงแม้จะออกแรงดึงเท่าเดิม สุดท้ายเราก็จะมีมุมปากยกขึ้นอย่างที่ต้องการ ในกรณีฉีดแก้ไขปากเบี้ยวหมอก็จะฉีดโบทูลินั่มท็อกซินคลายกล้ามเนื้อมัดที่ดึงแรงเกินไปให้อ่อนแรงลง เพื่อทำให้แรงดึงกลับมาสมดุลใกล้เคียงกับอีกข้างมากที่สุด นอกจากนี้ยังสามารถนำมาฉีดแก้ไขในคนที่ยิ้มเห็นเหงือก (Gummy smile ) หรือยิ้มมากเกินไป โดยฉีดคลายกล้ามเนื้อมัดที่ดึงขอบปากบนขึ้นสูงจนเหงือกโผล่ให้อ่อนแรงลงบ้างจะได้ยิ้มน้อยลงอีกนิด เป็นต้น ซึ่งทั้งหมดที่กล่าวมานี้สามารถทำซ้ำได้ทุก 4-6 เดือนครับ

หากสนใจปรึกษาหรือรับแนวทางการรักษาสามารถสอบถามหมอได้ทุกช่องทางตามความสะดวกครับ

ช่องทางติดต่อ..รักษ์คุณ คลินิก
– สาขาโลตัส ทาวน์อินทาวน์ โทร. 02-9346185,0863551067
ID Line : @rukkhunclinic

วันพฤหัสบดีที่ 12 กุมภาพันธ์ พ.ศ. 2558

การฉีดลดปีกจมูกให้เล็กลง&การฉีดรัดแกนจมูกให้ดูชัดขึ้น


การฉีดลดปีกจมูกให้เล็กลง&การฉีดรัดแกนจมูกให้ดูชัดขึ้น

มีคำถามถามเกี่ยวกับเรื่องนี้เข้ามาจำนวนมากครับ หมอจะเขียนอธิบายสั้นๆพอสังเขปดังนี้นะครับ



1.การฉีดลดปีกจมูก
กล้ามเนื้อที่ทำหน้าที่ขยายปีกจมูกให้กว้างขึ้น (บานขึ้น) ได้แก่
ไดเลเตอร์ นาริส (Dilator naris) หรือ อะลาร์ นาซาลิส (Alar nasalis) ตามรูปที่แนบครับ เมื่อกล้ามเนื้อมัดนี้หดตัวจะดึงปีกจมูกให้กว้างขึ้นหรือบานออก ทำให้รูจมูกของเราดูโตขึ้น. กล้ามเนื้อมัดนี้ถือเป็นกล้ามเนื้อหลักที่ทำหน้าที่ขยายรูจมูกให้กว้างขึ้น การฉีดสารโบทูลินั่มทอกซินเข้าไปในกล้ามเนื้อมัดนี้จะทำให้กล้ามเนื้อไดเลตอร์คลายตัวไม่สามารถหดตัวดึงปีกจมูกให้กว้างขึ้นได้ จึงทำให้รูจมูกของเราดูเล็กลงได้บ้าง ซึ่งจะอยู่ได้นาน 3-4 เดือน
ลิเวเตอร์ เลบิไอ ชุพีเรียริส (Levator labii superioris) เมื่อกล้ามเนื้อมัดนี้หดตัวจะดึงยกขอบริมฝีปากบนขึ้น ซึ่งจะทำให้ฐานของปีกจมูก2ข้างถูกดึงยกขึ้นด้วย จึงทำให้รูจมูกกว้างขึ้นได้เช่นกัน โดยปกติแพทย์ส่วนใหญ่จะไม่ฉีดกล้ามเนื้อครับ ซึ่งจะยอมให้ฐานปีกจมูกจะขยับยกตัวได้บ้างเพื่อไม่ให้มีผลกับริมฝีปากบนเวลาเรายิ้มครับ

2.การฉีดรัดแกนจมูก
กล้ามเนื้อคอมเพรสเซอร์ นาซาลิส (compressor nasalis) หรือ ทรานสเวอร์ส นาซาลิส(Transverse nasalis) เมื่อกล้ามเนื้อมัดนี้หดตัวจะกดสันจมูกและกดจมูกอ่อนให้ยุบตัวลง ทำให้จมูกของเราดูแบนราบออกด้านข้าง(เพื่อให้เห็นภาพ) เมื่อฉีดโบทูลินั่มทอกซินเข้าไปในกล้ามเนื้อมัดนี้จะทำให้กล้ามเนื้อส่วนนี้คลายตัว สันจมูกจึงดูยกตัวขึ้นและเล็กลงโดยเฉพาเวลายิ้มหรือแสดงสีหน้าอารมณ์ครับ ในการฉีดแต่ละครั้งจะอยู่ได้ 3-4 เดือน

ฝากข้อมูลติดต่อสำหรับผู้ที่สนใจด้วยนะครับ

ช่องทางติดต่อ..รักษ์คุณ คลินิก
– สาขาโลตัส ทาวน์อินทาวน์ โทร. 02-9346185,0863551067
ID Line : @rukkhunclinic

โปรไฟลุก ยกกระชับแก้มด้วยเทอร์มาจเกาหลี

  โปรไฟลุกยกกระชับแก้มด้วยเทอร์มาจเกาหลี 300 ชอต 3,000 บาท จองโปรโมชั่นหรือ ปรึกษาเพิ่มเติม *อินบ๊อกให้หมอมาได้เลย หรือ ID Line:@rukkhuncl...