วันศุกร์ที่ 23 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

การล้างสารพิษในร่างกาย

     
 ปัจจุบัน คนให้ความสนใจในการดูแลสุขภาพกันมากขึ้น หลายคนมีคำถามว่าถ้าอยากสุขภาพดีควรทำอย่างไรควรเริ่มตรงไหนการตรวจสุขภาพประจำปีที่ท่านทำกันอยู่ยังไม่เพียงพออีกหรอ ปัจจุบันในทางเวชศาสตร์ชะลอวัยเราเชื่อว่า ความเสื่อมของร่างกาย การเจ็บป่วยต่างๆ และความชราของเรานั้น มาจากหลายสาเหตุร่วมกัน ซึ่งมีแนวทางในการดูแลสุขภาพง่ายๆ ดังนี้ 
 
     1. กำจัดหรือขจัดสารพิษที่มีอยู่ในร่างกายเราออกไป มากที่สุดเท่าที่จะทำได้ 
     2. ปรับสมดุลของระดับฮอร์โมนที่ลดต่ำลงตามวัยให้กลับมาใกล้เคียงปกติ
     3. หลีกเลี่ยงอาหารหรือสิ่งที่แพ้ทั้งแบบเฉียบพลันและแบบแอบแฝงเพราะจะกระตุ้นระบบคุ้มกันให้ทำงานมากเกินไป
     4. ลดการรับประทานอาหารกลุ่มแป้งและน้ำตาลให้น้อยลง และหลีกเลี่ยงไขมันชนิด Trans fat เพื่อป้องกันโรคเบาหวานและไขมันในเส้นเลือดสูง 
     5. รับประทานวิตามิน เกลือแร่ แร่ธาตุที่จำเป็นให้เพียงพอตลอดจนควรได้รับสารต้านอนุมูลอิสระต่างๆ
     6. ตรวจหาความเสี่ยงที่จะเกิดโรคต่างๆ ตั้งแต่เนิ่นๆ เพื่อป้องกันและได้รับการรักษาที่ทันเวลา

        และหลายคนสงสัยกันว่าการล้างพิษควรทำอย่างไรบ้างเริ่มตรงไหน?และทำไมต้องล้างสารพิษสารพิษนั้นเข้าสู่ร่างกายเราได้หลายทาง ทั้งการสัมผัสทางลมหายใจ และปนเปื้อนในอาหารที่เรารับประทานเข้าใป และสารพิษก็มีหลายชนิด บางชนิดมีพิษทำลายตับของเราโดยตรง บางชนิดมีผลต่อสมองและระบบประสาท บางชนิดทำให้เกิดการอักเสบเรื้อรัง ซึ่งเป็นสาเหตุของการเจ็บป่วยเรื้อรังที่ไม่ทราบสาเหตุ ต่างๆ เช่น ภูมิแพ้อากาศ ภูมิแพ้ที่ผิวหนัง แม้กระทั่งอาการปวดกล้ามเน้อแบบเรื้อรังและบางชนิดทำให้เกิดสารอนุมูลอิสระ ในร่างกายอันเป็นสาเหตุที่ทำให้เซลล์ของเราเสื่อม เซลล์ตายหรือแม้กระทั่งเซลล์กลายพันธ์ เกิดเป็นมะเร็ง ดังนั้นจึงควรกำจัดสารพิษเหล่านี้ที่มีอยู่ในร่างกายของเราออกไปมากที่สุด เท่าที่จะเป็นไปได้
    


          หลังจากร่างกายเราได้รับสารพิษเข้าใป บางส่วนอาจตกค้างหรือสะสมในระบบทางเดินอาหาร ซึ่งก็คือลำไส้และตับของเรานั่นเอง บางส่วนอยู่ในกระแสเลือดและบางส่วนสะสมในกระดูกของเรา ร่างกายของเราจะพยายามกำจัดสารพิษเหล่านี้โดยการหลั่งสารต่างๆในระบบทางเดิน อาหารเพื่อขับสารพิษเหล่านั้นออกไปกับอุจจาระ และตับจะทำลายสารพิษที่อยู่ในกระแสเลือดแล้วปล่อยออกมากับน้ำดีหลั่งเข้าสู่ ลำไส้ต่อไป สารพิษบางส่วนเช่น สารโลหะหนักต่างๆ ตับไม่สามารถกำจัดหรือทำลายได้จึงตกค้างอยู่ในกระแสเลือดแล้วไปสะสมในกระดูก และเนื้อเยื่อของร่างกาย ซึ่งทำให้เกิดความเจ็บป่วยต่างๆตามมาอีกมากมาย

            ดังนั้น การกำจัดสารพิษที่ดี ควรกำจัดออกให้หมดทุกส่วน ดังนี้

     1. สวนล้างลำไส้เพื่อกำจัดสารพิษที่ตกค้างในระบบทางเดินอาหาร
     2. เข้าโปรแกรมล้างนิ่วในตับ เพื่อลดการอุดตันของท่อน้ำดีที่อยู่ในตับช่วยให้สารพิษถูกขับออกมาพร้อมกับน้ำดีได้สะดวกขึ้น
     3. เพิ่มประสิทธิภาพในการทำลายสารพิษของตับ โดยการให้สารอาหาร วิตามิน และกรดอะมิโนทางเส้นเลือดตามโปรแกรม ล้างพิษตับ (Liver Detox)
     4. ขับสารพิษและโลหะหนักต่างๆ ที่สะสมในกระดูกและเนื้อเยื่อด้วยการทำ คีเลชั่นบำบัด (Chelation Therapy)



         โดย ขั้นตอนที่ และ  2 สามารถทำเองที่บ้านได้ไม่ยุ่งยาก ส่วนขั้นตอนที่ และ 4 ควรทำภายใต้การดูแลของแพทย์ ที่มีความชำนาญ เพื่อการรักษาที่มีประสิทธิภาพ และปลอดภัยหลังจากผ่านการล้างสารพิษในร่างกายแล้วเราจะสามารถรับรู้ได้ถึง ความเปลี่ยนแปลงของสุขภาพที่ดีขึ้นอย่างชัดเจน อาการเจ็บป่วยที่ไม่ทราบสาเหตุต่างๆจะค่อยๆหายไป หรือทิ้งระยะห่างมากขึ้น ซึ่งร่างกายของเราเปรียบเหมือนถังขยะมีชีวิตใบใหญ่ที่ไม่เคยเอาขยะไปเททิ้ง เลย และคงไม่มีใครมาทำให้เราได้ หากเราไม่เทขยะสารพิษเหล่านี้ด้วยตัวเราเอง


ช่องทางติดต่อ..รักษ์คุณ คลินิก
– สาขาโลตัส ทาวน์อินทาวน์ โทร. 02-9346185, 0863551067
Google Plus : gplus.to/rukkhunpage
ID Line : @rukkhunclinic

วันพฤหัสบดีที่ 15 พฤษภาคม พ.ศ. 2557

คำถามเกี่ยวกับโบท็อกซ์


ถาม : โบท็อกซ์คืออะไร ?
ตอบ : โบท็อกซ์เป็นชื่อทางการค้าที่รู้จักกันอย่างอย่างแพร่หลาย ซึ่งจริงๆแล้วโบท็อกซ์คือสารโบทูลินั่มท็อกซิน(Botulinum Toxin) โดยชนิดที่ผ่าน อย. และใช้ในประเทศไทยเป็นสารโบทูลินั่มท็อกซินชนิด เอ (Botulinum Toxin A)ซึ่งเป็นโปรตีนชนิดหนึ่งครับ

ถาม : โบท็อกซ์ออกฤทธิ์ยังไง ?
ตอบ : โบทูลินั่มท็อกซินชนิด เอ (Botulinum Toxin A) ออกฤทธิ์โดยการไปจับกับส่วนปลายของเซลล์ประสาท ทำให้เซลล์ประสาทไม่สามารถหลั่งสารสื่อประสาทได้ กล้ามเนื้อจึงคลายตัว ไม่สามารถหดตัวได้เหมือนเดิม หรือเรียกว่าเป็นอัมพาตชั่วคราวก็ได้ครับ

ถาม : โบท็อกซ์ฉีดตรงไหนได้บ้าง ?
ตอบ : โบทูลินั่มท็อกซินชนิด เอ (Botulinum Toxin A)สามารถฉีดลดขนาดกล้ามเนื้อ เช่นฉีดโบท็อกซ์ลดกราม ฉีดโบท็อกซ์ลดน่อง ใช้ฉีดตามกรอบหน้าเพื่อช่วยยกกระชับหน้าหรือที่เรียกกันว่าโบท็อกซ์ลิฟท์หน้า สามารถฉีดบริเวณรักแร้เพื่อลดกลิ่นเหงื่อ ฉีดลดริ้วรอยรอบดวงตา ฉีดลดริ้วรอยหน้าผาก รวมถึงฉีดปรับรูปทรงจมูกด้วยครับ

ถาม : ฉีดโบท็อกซ์แล้วอยู่ได้นานแค่ไหน ?
ตอบ : 3-6 เดือน แล้วแต่ตำแหน่งและปริมาณยาที่ฉีดในแต่ละจุดครับ

ถาม : โบท็อกซ์แต่ละยี่ห้อต่างกันยังไง ?
ตอบ : ปัจจุบันโบท็อกซ์ที่ผ่าน อย. ไทยมีหลายยี่ห้อ ทั้ง อังกฤษ(Dysport) อเมริกา(Botox) เกาหลี(Neuronox,Botulax,Hugel Toxin) จริงๆแล้วหากจะเปรียบเทียบความแตกต่าง หมอกล้าตอบแบบไม่อายเลยครับว่าไม่ทราบจริงๆครับว่ามันต่างกันยังไง ทุกยี่ห้อต่างนำงานวิจัยที่บ่งชีว่าของตัวเองดีกว่ายี่ห้ออื่นๆเมื่อเปรียบ เทียบกันมาแสดงให้หมอดู หมอเลยไม่รู้จะเชื่อใครดี หมอเลยขอสรุปง่ายๆว่า ทุกยี่ห้อดีหมดขอให้เป็นของแท้และผ่าน อย.ไทย ใครรักชอบยี่ห้อไหนก็เลือกใช้ยี่ห้อนั้น ที่คลินิกหมอมีเฉพาะของอังกฤษ (Dysport) ของเกาหลี (Botulax,Hugel Toxin) เหตุผลเพราะหมอชอบยี่ห้อเหล่านี้ และฉีดจนคุ้นเคยดีแล้ว จึงไม่อยากจะเปลี่ยนเป็นยี่ห้ออื่นประกอบกับราคาไม่แพงจนเกินไปด้วยครับ

ถาม : จะรู้ได้ยังไงว่าเป็นโบท็อกซ์ของแท้หรือเปล่า ?
ตอบ :  ขอสรุปข้อสังเกตง่ายๆดังนี้นะครับ
-ของแท้เกือบทั้งหมดเป็นสุญญากาศ คือมีลักษณะเหมือนคราบแป้งบางๆ ติดก้นขวด ยกเว้นของอังกฤษ (Dysport) ที่จะมีลักษณะเป็นผงแป้งที่ก้นขวด
-ของแท้ทุกยี่ห้อต้องมีสติ๊กเกอร์ตัวแทนจำหน่ายในไทยติดอยู่ที่กล่อง ซึ่งเราสามารถขอดูกล่องได้ครับ
-ของแท้ราคาค่าบริการจะสูง ยกตัวอย่างเช่นราคาเหมาขวดของอเมริกา ประมาณ 18,000 – 30,000 บาท หากราคาต่ำกว่า 15,000 บาทหรือถูกมากๆ ต่ำกว่า 10,000 บาทก็ไม่น่าจะเป็นของแท้ครับ เพราะคงไม่มีใครขายของขาดทุน ส่วนข้ออ้างที่ว่าสั่งของเยอะและนำเข้าเองยิ่งเป็นไปไม่ได้ใหญ่ เพราะจะสั่งมากเท่าไหร่ก็ยังราคาแพงอยู่ดีและที่สำคัญ บริษัทแม่จะไม่ขายของยี่ห้อนั้นๆ เข้ามาในประเทศไทยอีกหากมีตัวแทนจำหน่ายอยู่แล้ว

ถาม : ฉีดโบท็อกซ์ปลอมแล้วจะเป็นอย่างไร ?
ตอบ : สิ่งแรกคืออาจไม่ได้ผลเลย เพราะเราไม่รู้ว่าเขาใส่ตัวยาเข้าไปข้างในให้หรือเปล่า
- อาจมีผลมากเกินไป จนทำให้เกิดผลข้างเคียงจากยาเกินขนาดได้ เช่น ปากเบี้ยว หนังตาตก เห็นภาพซ้อน เพราะโรงงานอาจใส่ปริมาณยามากเกินไป
- อาจจะเกิดอาการแพ้ยา เช่น บวม แดง หลังฉีด 1-2 สัปดาห์ เพราะตัวยาไม่บริสุทธิ์เพียงพอ มีการปนเปื้อนของโปรตีน และสารอื่นๆอยู่ค่อนข้างเยอะ
- อาจดื้อยา ซึ่งเริ่มพบกันมากขึ้น สิ่งที่จะสังเกตได้เมื่อเกิดอาการดื้อยา คือ ฉีดของแท้ยี่ห้อไหนๆ ก็จะไม่ได้ผล เพราะร่างกายสร้างภูมิต้านทานต่อโปรตีนของโบท็อกซ์ที่ไม่บริสุทธิ์เพียงพอ จนทำให้ภูมิต้านทานนั้นทำลายตัวยายี่ห้ออื่นๆ ที่เป็นของแท้ด้วยเช่นกันครับ


ช่องทางติดต่อ..รักษ์คุณ คลินิก
– สาขาโลตัส ทาวน์อินทาวน์ โทร. 02-9346185, 0863551067
Google Plus : gplus.to/rukkhunpage
ID Line : @rukkhunclinic

โปรไฟลุก ยกกระชับแก้มด้วยเทอร์มาจเกาหลี

  โปรไฟลุกยกกระชับแก้มด้วยเทอร์มาจเกาหลี 300 ชอต 3,000 บาท จองโปรโมชั่นหรือ ปรึกษาเพิ่มเติม *อินบ๊อกให้หมอมาได้เลย หรือ ID Line:@rukkhuncl...